พุทธทาสภิกขุ พระดีที่สุดในยุค 80

10 ต.ค. 2567 | 04:45 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2567 | 07:33 น.

พุทธทาสภิกขุ พระดีที่สุดในยุค 80 คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

KEY

POINTS

  • ท่านเจ้าคุณพุทธทาส ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกจากยูเนสโกเมื่อปี 2543
  • เน้นย้ำสอนเรื่องมีสติในวาระสุดท้าย ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป จะต้องมีสติมีสัมปชัญญะให้ดีเพราะเป็นเสี้ยววินาทีสำคัญ

พุทธทาสภิกขุ พระดีที่สุดในยุค 80 คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

 

ท่านพุทธทาส หรือ พระธรรมโกศาจารย์ ผมไปกราบท่านปี พ.ศ.2533 และ พ.ศ.2534 ทำให้ได้เห็นวัตรปฏิบัติที่เรียบง่ายติดดิน จึงมุ่งหน้าอ่านงานเขียนท่านทุกมิติ ทำให้เห็นว่าท่านสอนธรรมะครบทุกมิติจริงๆ ทั้งด้านการเมืองประชาธิปไตย ทั้งการใช้ชีวิตแบบคฤหัสถ์ (แบบโลกิยะ) ​และสอนธรรมะแบบโลกุตระ ที่ชื่นชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นองค์ความรู้ในมิติความเป็นเซนแบบมหายาน ผู้ที่มาศึกษาธรรมะของหลวงพ่อพุทธทาส โดยมากเป็นปัญญาชนโดยแท้ หลากหลายสาขาอาชีพ ผมเห็นอ่านและศึกษางานของหลวงพ่อพุทธทาสเกือบทั้งสิ้นในยุคนั้น

ในยุคสมัยที่ พระสงฆ์องค์เณรมักจะพูดหรือเทศน์สอน เรื่องการทำบุญการรักษาศีล จู่ๆ ก็มีพระภิกษุจากแดนใต้นิยมเผยแพร่โดยพูดธรรมะเกี่ยวกับโลกุตระเรื่องความหลุดพ้น เพราะว่าไม่ได้เป็นของที่ยาก เป็นของที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ผ่านการเขียนหนังสือ ตลอดทั้งการบรรยายธรรม ภายในสำนักสวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงเป็นจุดที่ทำให้พุทธศาสนิกชนตื่นตัวและสนใจใฝ่เรียนรู้

 

คราวหนึ่งเคยมีสามเณรน้อย เดินไปถามท่านว่า หลวงพ่อบรรลุธรรมแล้วหรือ ท่านก็เมตตาบอกว่าไหนๆ มานั่งคุยกันก่อน แล้วท่านก็สอนธรรมะแก่เณรน้อยรูปนั้น

หลายคนรู้จักการสวดมนต์แปลใช่หรือไม่ การสวดมนต์แล้วแปลเป็นภาษาไทย มีจุดเริ่มต้นมาจากหลวงพ่อพุทธทาสที่นำเอามาใช้ภายในสวนโมกข์เป็นที่แรก กับการทำวัตรเช้า-ทำวัตรเย็น เพื่อให้เห็นและเข้าใจว่า บทสวดนั้นล้วนแต่เป็นธรรมะมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องความขลังศักดิ์สิทธิ์

แม้แต่คำสอนที่เป็นลักษณะพุทธวจน ท่านเจ้าคุณพุทธทาสก็เป็นผู้ที่ริเริ่มและดำเนินการขึ้นก่อน โดยใช้ชื่อผลงานทางหนังสือว่าจากพระโอษฐ์ ซึ่งมีมากมายหลากหลายอรรถรสแห่งธรรม อาทิ หนังสือพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หนังสืออริยสัจจากพระโอษฐ์ เป็นต้น

แต่หนังสือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือ หนังสือคู่มือมนุษย์, หนังสือตามรอยพระอรหันต์, หนังสือชื่อเหวยหล่าง, หนังสือชื่อฮวงโป ทำให้ชาวพุทธในยุคนั้น เกิดความตื่นตัวที่จะเรียนรู้ธรรมะผ่านสื่อการสอนที่เป็นหนังสือของท่าน และถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปสวนโมกข์ก็จะได้ไปชมมหรสพทางวิญญาณ ที่เขียนโดยพระภิกษุเป็นคล้ายๆ กับกิจกรรมฝาผนังที่สื่อในเรื่องของธรรมะทั้งสิ้น

หลวงพ่อท่านไม่ใช่เป็นพระภิกษุ ที่แค่เรียนรู้อ่านจากตำรับตำราเพียงอย่างเดียว แต่ท่านลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังและเคร่งครัด ตั้งแต่สมัยมาอยู่ที่พุมเรียงใหม่ๆ ก่อนที่จะย้ายมาที่สวนโมกข์ในปัจจุบัน ท่านฉันมื้อเดียวอยู่เพียงรูปเดียว งดการรับกิจนิมนต์ทุกประการ จนเข้าใจวิธีการฝึกจิตวิญญาณของตัวเองอย่างชำนาญโดยรอบ โดยเฉพาะเรื่องของการทำภาวนา

ธรรมะข้อที่ท่าน เน้นย้ำสอนก็คือเรื่องมีสติในวาระสุดท้าย ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป จะต้องมีสติมีสัมปชัญญะให้ดีเพราะเป็นเสี้ยววินาทีสำคัญ

แม้แต่ตัวฉันเองก็ทำให้ดู ในคืนวันที่จะมรณภาพท่านก็มีสติอยู่กับตัวเองตลอดเวลา

เมื่อปลายเท้าเริ่มชา ท่านก็หันไปบอกกับพระที่อุปัฏฐากว่า "ทอง...ขาเราชาแล้ว"

เว้นไปสักพักก็บอกว่า "ทอง...ขึ้นมาชาถึงเอวแล้ว"

แล้วท่านยังอดเอากุญแจที่อยู่กับสายประคตให้กับพระอุปัฏฐาก แล้วพูดว่าไม่อยากตายคากุญแจ

จากนั้นท่านก็บอกว่า "ทอง...ชามาถึงอกแล้ว เราจะพูดไม่ได้แล้ว"

เงียบไปสักระยะหนึ่ง ท่านก็ค่อยๆ หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ แล้วก็สงบไปอย่างเรียบง่าย

ที่เล่าเรื่องนี้ ก็เพราะว่าท่านสอนให้มีสติ โดยเฉพาะวาระสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป ท่านสอนคนอื่นอย่างไรท่านก็ทำให้ดูอย่างนั้น นี่คือท่านเจ้าคุณพุทธทาส พระดีที่สุดในยุค 80 ที่จะรับการยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกจากยูเนสโกเมื่อปี 2543

อยากชักชวนเชื้อเชิญ ให้ผู้ที่สนใจธรรมโดยแท้ แสวงหาหนังสือธรรมะของท่านได้มาอ่าน เพื่อน้อมเอาไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา แล้วจะมีองค์ความรู้ที่เข้าใจมากขึ้นว่า แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไรแก่ชาวพุทธ