แยกกาย แยกจิต

02 พ.ค. 2567 | 06:35 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2567 | 06:47 น.
519

แยกกาย แยกจิต คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราช รามัญ

พูดถึงเรื่องของการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ก็ย่อมจะมีบุคคล ที่ปฏิบัติแล้วได้ผลลัพธ์แปลกๆ และเป็นผลลัพธ์ที่มิได้สามารถนำไปต่อยอดในเรื่องของการปฏิบัติธรรมให้เกิดความ ก้าวหน้าได้ โดยมากจะออกไปในเรื่องของความผิดจริตหรือภาษาคนธรรมดา อาจจะบอกว่าเพี้ยน ก็ได้

ในช่วงที่นักปฏิบัติ ถ้าหากมีแต่สมาธิขาดสติแล้ว ภาวะความเพี้ยนที่มาจากสังขารปรุงแต่งค่อนข้างจะมีมาก ภาวะความเพี้ยนที่เกิดจากนิมิตต่างๆ ก็มีมาก เพราะต้องเข้าใจก่อนว่าการปฏิบัตินั้น ปฏิบัติเพื่อละ มิได้ปฏิบัติเพื่อให้ตัวเองได้อะไรหรือเป็นอะไร แต่ความเข้าใจของคนทั่วไป มักจะบอกว่าปฏิบัติเพื่อให้ได้อะไร โดยเอาหลักคิดทางโลกเข้ามาเป็นแกนมาเป็นตัวตั้ง จึงค่อนข้างเกิดปัญหา ในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติ

เมื่อเกิดปัญหามากๆ ต่างก็แยกนิกาย แยกความเชื่อ แยกแนวคิด แม้กระทั่งแยกแนวปฏิบัติด้วย กลายเป็นของหลวงพ่อนั้นหลวงพ่อนี้ มีการส่งจิตออกข้างนอกมีการให้จิตเป็นพลังงานที่ พุ่งไปช่วยเหลือผู้คน ตลอดทั้งมีการถอดจิตถอดใจ และแรงไปกว่านั้นในยุคนี้มีการเชื่อมจิต อะไรต่างๆ เหล่านี้ ย่อมเกิดจากอาการปรุงแต่ง คิดเอาเองเข้าใจเอาเอง อย่างที่ขาดสติ

ผู้เขียนกับหลวงปู่เหรียญ ถ่ายที่สำนักสงฆ์จิตรลดา

สมัยที่อยู่กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลวงปู่เล่าให้ผมฟัง ว่าพระอาจารย์ตื้อ ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านกรรมฐานอีกรูปหนึ่ง ท่านนั่งสมาธิเก่งมาก คราวหนึ่งหลังจากที่ท่านออกจากสมาธิแล้ว ท่านมองลงมาที่พื้นดิน ขณะที่ตัวท่านอยู่ในกุฏิ ท่านเห็นทรายเหลืองอร่ามเป็นทองคำทั้งหมด และท่านมีความคิดว่าท่านอยากจะกระโดดลงมา หลวงปู่เหรียญต้องคอยห้ามและสะกิดอย่างแรง เพื่อให้สติกลับไปอยู่กับตัว เมื่อสอบถาม จึงได้ความว่า ท่านเห็นในนิมิตว่าตรงนี้เป็นทองคำทั้งหมด ไม่ว่าท่านลืมตามาท่านก็ยังเห็นพื้นที่ตรงนี้เป็นทองคำ นี่อานิสงส์ มาจากการปฏิบัติธรรม สำหรับผู้ที่ปฏิบัติแล้วขาดสติ เมื่ออาการสังขารปรุงแต่ง เกิดขึ้นก็จะเป็นแบบนี้

แต่เรื่องหนึ่งที่หลวงปู่บอกว่า ไม่เกินเลยจากความจริงนั่นก็คือ เรื่องของการแยกกายแยกจิต  ภาวะแยกกายแยกจิตเป็นภาวะพิเศษของนักปฏิบัติทุกคน และสามารถนำเอามาใช้ได้จริง โดยเฉพาะในยามที่เราอยู่ในภาวะฉุกเฉิน หรือเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นต้น

ในยามที่ภาวะฉุกเฉินตกใจ กายก็จะนิ่งจิตก็จะม้วนหลบเข้าอยู่ข้างใน ความตระหนกความตื่นกลัว ความโวยวายใดๆ ก็หาปรากฏไม่ จะเป็นคนที่นิ่ง มีสติเฝ้าดู รู้ทุกเหตุการณ์ที่ปรากฏ ในปัจจุบันขณะนี้เป็นอาการของการแยกกายแยกจิต อย่างหนึ่ง

การแยกกายแยกจิตอีกอย่างหนึ่ง คือเมื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วย ในภาวะต่างๆ ร่างกายอาจจะเกิดทุกขเวทนา จิตใจ กลับนิ่งสงบเฉย มีสติเฝ้าดูเฝ้ารู้ ภาวะต่างๆ ของร่างกายที่เป็นไป ไม่มีความคิดความรู้สึกเข้าไปร่วมกับทุกขเวทนา ที่เกิดขึ้นในทางร่างกาย นี้ก็เป็นประโยชน์ของการแยกกายแยกจิตอีกอย่างหนึ่ง

พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระป่าพระกรรมฐานสายธรรมยุต ที่มุ่งเน้นปฏิบัติจริงๆ ต่างก็มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ด้วยกันทั้งสิ้น ก็คือการแยกกายแยกจิต แต่การแยกกายแยกจิตมิได้หมายถึงการถอดจิตเพื่อจะไปนรกสวรรค์ถอดจิตไปหาคนนั้นคนนี้ แต่การแยกกายแยกจิตนี้ไว้เพื่อรักษาขันธ์รักษาต้น รักษาสังขาร ไม่ให้เกิดความทุกข์เวทนา หรือตลอดทั้งเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินตามที่กล่าวมา ภาวะแบบนี้จะเกิดขึ้นเอง โดยที่มิได้ไปบังคับให้เกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นเองกับบุคคลที่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติมานาน

ประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมมีมากมาย และถ้าการปฏิบัตินั้นเราเดินมาในทางที่ถูกที่เป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแท้จริง อานิสงส์ของการปฏิบัตินั้น ไม่สามารถที่จะบรรยายได้หมด ดังนั้นท่านที่สนใจในเรื่องของการปฏิบัติ ขอให้ยึดแนวทางของพระพุทธเจ้า ในหลักมหาสติปัฏฐานสูตร เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นฐานความรู้ เพื่อนำเอาไปปฏิบัติ แล้วคุณจะเข้าใจ ว่าทำไมการแยกกายแยกจิตจึงเกิดขึ้นได้จริง เพราะเนื้อหาคำสอนก็บอกแล้วว่า 
ฐานกาย
ฐานเวทนา
ฐานจิต
ฐานธรรม 

คือสิ่งที่สำคัญ ในการเรียนรู้ ในการปฏิบัติธรรม อย่างแท้จริง กายก็อย่างหนึ่ง เวทนาก็อย่างหนึ่ง จิตก็อย่างหนึ่ง ธรรมก็คือธรรม

ดังนั้นถ้าพึงปรารถนาจะปฏิบัติจริงๆ ประโยชน์ที่สุด กับการเรียนรู้มหาสติปัฏฐาน 4 ในการปฏิบัติ ซึ่งอยู่ในสติปัฏฐานสูตร อยากให้คนไทย และค้นคว้าแล้วน้อมนำ เอามาปฏิบัติ ให้ถูกต้องให้เกิดเป็นสัมมาทิฏฐิ ชีวิตก็จะมีความทุกข์น้อยลง ที่สำคัญ เราจะเข้าใจคำว่าจิตด้วยตัวของเราเอง อย่างแท้จริง