การตัดสินคนอื่น คือ อกุศลธรรม

14 มี.ค. 2567 | 05:00 น.

การตัดสินคนอื่น คือ อกุศลธรรม คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราชรามัญ

ตามสื่อโซเชียลต่างๆ บ่อยครั้งที่ ผมเห็นคนในสายพุทธ เข้าไปแสดงความคิดเห็นกับผู้คนบางกลุ่ม ที่เขาเคารพกราบไหว้ ผีบ้างเทพบ้าง พรหมบ้างว่าเขาเหล่านั้น "โง่งมงาย"

ลักษณะนี้ก็เป็นการตัดสินเขาแล้วอย่างหนึ่ง นักปฏิบัติธรรมนักศึกษาธรรมะคนที่นับถือพุทธศาสนา บางคนที่เป็นผู้มาใหม่ ยังไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้ง ก็มักจะมีฐานความคิด ที่เมื่อเห็นผู้อื่นกระทำนอกเหนือจากที่ตัวเองเคารพนับถือแล้วเชื่อ ไปมองว่าเขาทำในสิ่งที่ผิด ถ้าคุณกำลังเป็นชาวพุทธแบบนั้น คุณกำลังสร้างอกุศลธรรมในใจอันยิ่ง  มันเป็นบาปมหันต์ ต่อให้คุณ นับถือพุทธอย่างเคร่งครัดก็ยังบาปเป็นการสร้างบุญ สมบาปเพราะคุณไม่รู้อะไรเลย ที่แท้จริงตามหลักพุทธศาสนา แต่คุณหลงตัวเองว่าคุณรู้

การใช้ฐานความคิดความเชื่อความศรัทธา ในความเป็นพุทธศาสนา เข้าไปตัดสิน เมื่อเห็นการกระทำของผู้อื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็นพุทธ และไปวิจารณ์เขา นั่นคือบาป และพุทธศาสนาก็มิได้สอนเช่นนั้นด้วย ที่จะให้เรามีหน้าที่ไปวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นที่เห็นต่าง

แม้แต่คุณคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปก็เป็นมโนกรรม ในฝ่ายอกุศลกรรมก็บาปเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อคุณเห็นผู้ใดทำพิธีกรรมอะไรที่แตกต่างจากคุณ จงอย่าไปวิจารณ์เขามองแล้วปล่อยให้ผ่านไป เพราะบางครั้งความรู้ของตัวคุณเอง อาจจะไม่ลึกซึ้งมากพอ จึงไม่มีความเข้าใจ แล้วก็ไปสร้างบาปสร้างกรรมเสียเปล่าๆ

ศาสนาพุทธเน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพ หรือถ้าจะพูดว่าเน้นความอิสระ ในการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะกราบทั้งพระจะฟังธรรมและกราบเทพกราบพรหมด้วย ก็เป็นสิทธิของเขาพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยห้าม มีแต่คำสอนรุ่นหลังๆ ของพระสงฆ์องค์เณร ที่ด้อยการพัฒนา ด้านความรู้องค์รวม ออกมาตำหนิติเตียน อันนี้ก็เป็นบาปเช่นเดียวกัน

แต่เมื่อใดก็ตาม ถ้ามีบุคคลหนึ่งมากราบไหว้พระพุทธเจ้าแล้วนำเครื่องบวงสรวงสังเวยมาวางหน้าพระพุทธรูปพร้อมจุดธูปจุดเทียน ตีฆ้อง เป่าสังข์ ตลอดทั้งมีการสวดโดยฆราวาสคล้ายบวงสรวงแบบนี้ ตำหนิได้ เพราะอะไร เพราะสิ่งที่เขาทำมันเกี่ยวกับพุทธศาสนาแต่เขาเอาพิธีกรรมนอกพุทธศาสนาเข้ามาร่วม และอีกอย่างหนึ่งในความเป็นพุทธศาสนา การกราบไหว้พระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องมีการบวงสรวงแต่ประการใด

แต่ถ้าเขาไหว้ผีไหว้เทพไหว้พรหม แล้วคุณไปตำหนิ ในฐานะเป็นชาวพุทธเอาฐานความคิดของพุทธไปตำหนิเขาแบบนี้บาป เพราะสิ่งที่เขาทำไม่ได้เกี่ยวกับพุทธศาสนาอยู่แล้ว อย่างนั้นการวิพากษ์วิจารณ์อะไร คุณเองก็ต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้ง ต้องมีความเข้าใจ ในหลายๆ มิติ

หรือถ้าคุณเห็นพระภิกษุสงฆ์ ไปยืนสวดอ่านองค์การต่างๆ มีรูปพรหมรูปเทพปรากฏมีเครื่องพิธีกรรมบวงสรวงปรากฏแบบนี้ตำหนิได้วิจารณ์ได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผิด ตำหนิอย่างไรก็ไม่บาปด้วย เพราะเขาทำผิดจริง พึงทำตนนอกรีต ทำตนนอกประเพณีอันงดงามของความเป็นพุทธศาสนา สร้างศรัทธาในด้านที่ผิด อย่างนี้วิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มร้อย และไม่บาดใจอย่างใด

ดังนั้นการที่จะตัดสินผู้อื่น เราเองต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆ รอบด้านหลายมิติพอสมควร การตัดสินนั้นจึงไม่เป็นอกุศลกรรม การตัดสินนั้นจึงประกอบไปด้วย เหตุและผลที่เป็นธรรม ไม่ใช่เหตุและผลตามอารมณ์ตามความชอบของตัวเรา

เหมือนเราเห็นคนชอบดูดวงแล้วเราไปบอกว่าเขางมงาย โดยที่เราไม่มีองค์ความรู้ ในด้านโหราศาสตร์เลย แล้วไปวิจารณ์แบบนี้ก็ไม่ถูก แต่ถ้าเรามีองค์ความรู้โหราศาสตร์ แล้วเห็นเขาทำในสิ่งที่ ไม่ถูกไม่ควร แล้วเราวิจารณ์ อย่างนี้ถูกต้อง

การวิจารณ์ถ้าเราวิจารณ์โดยชอบธรรม ก็คือประกอบไปด้วย ตัวเรามีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆลึกซึ้งเข้าใจหลายมิติ แล้วเกี่ยวข้องกับตัวเรา การวิจารณ์นั้นก็ประกอบไปด้วยธรรมซึ่งเป็นกุศล

แต่ถ้าการวิจารณ์นั้นแม้เรามีเจตนาดีแต่องค์ความรู้เราไม่มีไม่ลึกซึ้ง การวิจารณ์นั้นก็อาจจะกลายเป็นอกุศลธรรม เป็นบาปเป็นกรรมโดยไม่รู้ตัว

กลับมาเริ่มต้นใหม่ ถึงแนวทางในการจะวิจารณ์ใดๆ ก่อนที่จะวิจารณ์ก็ตั้งสติเสียก่อน แล้วถามตัวเองว่าตนมีความรู้จริงหรือไม่ในเรื่องนั้นๆ ด้วยความชอบด้วยความชัง

คนไทยโดยมากใช้อารมณ์วิพากษ์วิจารณ์มากกว่าใช้องค์ความรู้ ใช้ความเป็นจริงเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ สังคมมันจึงวุ่นวาย อย่างที่เราเห็นนี้ ฝึกตนให้มีรอยหยักสมองให้มากขึ้น ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้นในการใช้ชีวิต