กรณีพระมีปืน...ให้เด็กขโมยจ่อยิงเพื่อน เข้าข่ายครอบครองวัตถุอนามาส

16 ก.ย. 2565 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ย. 2565 | 07:28 น.
805

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจอย่างยิ่ง เมื่อเด็กมัธยมได้นำเอาปืนไทยประดิษฐ์ .38 มายิงเพื่อนที่มีปัญหาซึ่งกันจนเสียชีวิต และให้การสารภาพว่าได้ขโมยปืนมาจากพระที่สนิทสนมกัน เรื่องนี้มีพิรุธให้น่าคิดติดตามหลายประการ

ตามพระธรรมวินัย ปืนถือเป็น วัตถุอนามาส​

 

พระพุทธเจ้า ทรงห้ามพระภิกษุเข้าไปยุ่งกับวัตถุอนามาส​ คำว่า​ อนามาส​ คือ​ ไม่ควรเข้าไปจับต้อง​ ครอบครอง หรือ​เข้าไปยุ่ง​อันได้แก่​

  1. ผู้หญิง รวมทั้งเครื่องแต่งกาย ทั้งรูปที่ทำมีสัณฐานเช่นนั้น และดิรัจฉานตัวเมีย
  2. ทอง เงิน และรัตนะ
  3. ศัสตราวุธ
  4.  เครื่องดักสัตว์
  5. เครื่องประโคมทุกอย่าง
  6.  ข้าวเปลือก และผลไม้อันเกิดอยู่ในที่

 

(จากหนังสือ “วินัยมุข” เล่ม 2 พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)

 

สิ่งที่น่าขบคิดตามมาก็คือการที่เด็กสามารถขโมยปืนจากพระภิกษุมาได้ นั่นหมายความว่าพระภิกษุมีปืนไทยประดิษฐ์ .38 ที่นำไปก่อเหตุจริง​หรือไม่

 

แต่การที่อยู่ในฐานานุรูปแห่งความเป็นพระภิกษุแล้วการพกปืนเป็นสิ่งที่ไม่พึงควรกระทำอย่างยิ่ง มันเป็นโลกวัชชะคือโลกติเตียน​ และเป็นข้อห้ามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ชัดเจน
 

ถ้าปืนนั้นเป็นของพระภิกษุจริง พระภิกษุรูปนั้นควรจะต้องรับผิดชอบในอาวุธปืนนั้นด้วย

 

และต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ว่าปืนนั้นได้มาอย่างไร ครอบครองอย่างไร

 

พระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบลเจ้าคณะอำเภอจังหวัด​ ตลอดทั้งมหาเถรสมาคมจะนิ่งนอนใจเรื่องนี้เสียไม่ได้ เพราะทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรสงฆ์ในประเทศไทยเสียหาย เมื่อข่าวตีแผ่ไปไกลถึงต่างประเทศ
 

 

อีกประเด็นหนึ่งถ้าพระภิกษุรูปนั้นมีอาวุธปืนแล้วเป็นผู้หยิบยื่นให้กับเด็กผู้ที่ก่อเหตุ นั่นเท่ากับว่าเป็นการส่งเสริม และทราบกันดีอยู่แล้วว่าการกระทำเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเจตนา​ พระภิกษุรูปนั้นอาจเข้าข่ายความผิดอาบัติปาราชิกด้วย
 

คำว่า อาบัติปาราชิก คือขาดจากความเป็นพระซึ่งประกอบด้วย

  1. อวดอุตริมนุษยธรรม
  2. ​ขโมยสิ่งของหรือเงิน
  3. ​เสพเมถุนกับคน​/ศพ/สัตว์
  4. ​ฆ่าคน​ ทั้งในครรภ์และนอกครรภ์


จะสั่งให้ฆ่าหรือฆ่าเองก็ถือว่าผิดปาราชิก​ เรียกได้ว่า​ อเตกิจจา​ คือ​โทษที่แก้ไขไม่ได้ในทางพระธรรมวินัย​

 

ขนาดวัตถุอนามาสยังมีครอบครองได้ ​เรื่องมุสาโกหกคงเป็นอาจิณอาบัติกินไปทั้งตัว​กลายเป็นเหลืองห่มตอแล้วก็มิรู้ความ
 

 

พระภิกษุ ยังพึ่งอาศัยการเลี้ยงชีพด้วยบิณฑบาตหรือขอเขากิน หากมีพฤติกรรมมีอาวุธปืนครอบครอง​

 

นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยและชาวพุทธสะเทือนใจเป็นอย่างมาก และก็ไม่รู้ว่ายังมีผู้ที่เป็นพระ มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้หลงเหลืออีกกี่คนกี่รูป​

 

อย่าต้องถึงขนาดให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้ากวาดตรวจอาวุธในศาสนสถานกันเลย​

 

พระรูปใดถึงขนาดมีปืนในกุฏิได้​ ไม่แน่อาจเป็นมาเฟียมากกว่าธัมมาธัมโม ด้วยซ้ำ

 

วัดเป็นศาสนาสถาน​ เข้าไปแล้วมีประตูอยู่ 3 บานให้เลือก​ คือ​ 

  • ประตูสวรรค์
  • ประตูนิพพาน
  • ประตูนรก​ 
     

เลือกกันให้ดี​ ทำกันให้ดี​ อย่าต้องให้พระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอีกหลายๆรูป​ พลอยมัวหมองครองกาสาไปด้วย​ จากสายตาของศรัทธาสาธุชนเลย