อย่าวางใจ ‘ฟันผุ’ เสี่ยงติดเชื้อ ลุกลามหนัก

19 ต.ค. 2565 | 06:12 น.

Tricks for Life

หาก “ฟันผุ” หรือเป็นโรคปริทันต์อักเสบ อย่ามองข้าม หรือคิดว่าจะหายได้เอง เพราะผู้ป่วยฟันผุ เชื้อทะลุโพรง ประสาทฟันจนถึงปลายรากฟัน เชื้ออาจลุกลามไปจนเกิดหนองภายในช่องเยื่อหุ้มปอด ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอันตรายอย่างมากและต้องรีบทำการรักษา หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เสียชีวิตได้

 

โรคฟันผุ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แบคทีเรียในช่องปาก พฤติกรรมการทานอาหาร การแปรงฟันไม่สะอาด หากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดการอักเสบ และเชื้อโรคลุกลามไปที่รากฟัน เกิดหนอง นอกจากนี้โรคปริทันต์อักเสบ อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อรุนแรง

อย่าวางใจ ‘ฟันผุ’ เสี่ยงติดเชื้อ ลุกลามหนัก

เมื่อโรคลุกลามมากจนกระดูกที่รองรับฟันถูกทำลายไป อาจจะพบเหงือกร่น ฟันโยกหรือฟันเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม มีหนอง หรือเหงือกบวมใหญ่จนเป็นฝีปริทันต์ และเกิดการติดเชื้อและส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า โพรงไซนัส ลำคอ ปอด เสี่ยงต่อการติดเชื้อและกระจายไปอวัยวะสำคัญต่างๆ

 

ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปาก จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ควรสังเกตฟันและสภาพช่องปากของตนเอง ลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ควรกินจุกจิก และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

           

ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม เล่าให้ฟังว่า สาเหตุฟันผุ เกิดจากการมีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟัน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่เรารับประทานสัมผัสกับฟันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบฟันเปลี่ยนเป็นกรดที่มีฤทธิ์ทำลายผิวฟัน จนกระทั่งทำให้ฟันถูกกัดกร่อนทำลายเป็นรูผุ จากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน เมื่อการผุลุกลามมากขึ้น ซึ่งจะมีอาการเสียวฟันเมื่อรับประทานหวาน ร้อนจัดหรือเย็นจัด และมีอาการปวดฟัน

           

เมื่อฟันผุลึกถึงโพรงประสาทฟันหรือรากฟันอักเสบเป็นหนอง หากปล่อยทิ้งไว้ อาจจะเกิดฝีหนองที่ปลายรากฟันได้ นอกจากนี้เหงือกอักเสบแล้วไม่ทำการรักษา โรคจะลุกลามจนเป็นโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งจะพบมีเหงือกแดงบวม และมีเลือดออกขณะแปรงฟัน เมื่อโรคลุกลามรุนแรงขึ้นจะทำให้ฟันโยก อาจเกิดหนองหรือเป็นฝีปริทันต์ ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกายได้

           

หากพบว่าตนเองเริ่มมีอาการเกี่ยวกับโรคในช่องปาก ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาก่อนอาการจะลุกลาม รวมถึงดูแลสุขภาพช่องปาก ทำความสะอาดฟันให้ถูกวิธี แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนนอน และใช้ไหมขัดฟันเพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคฟันผุ ช่วยป้องกันและยับยั้งปัญหาในช่องปากและโรคฟันอื่นๆ และพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6-12 เดือน

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,825 วันที่ 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2565