ธุรกิจครอบครัวกับการทำสตาร์ทอัพ

18 ม.ค. 2568 | 04:59 น.

ธุรกิจครอบครัวกับการทำสตาร์ทอัพ : Family Business Thailand รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [email protected]

ธุรกิจครอบครัวไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าความเป็นผู้ประกอบการของพวกเขาส่งผลต่อความสำเร็จในการก่อตั้งสตาร์ทอัพด้วยหรือไม่ แม้ว่าผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพส่วนใหญ่อาจไม่ได้มีพ่อแม่ที่เป็นผู้ประกอบการโดยตรง แต่ความใกล้ชิดกับผู้ประกอบการรายอื่นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันความสำเร็จของธุรกิจเหล่านี้ได้

ดังนั้นเพื่อศึกษาประเด็นนี้ งานวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยใช้คำถามว่า “ในกลุ่มเพื่อนสนิทหรือครอบครัวของท่าน มีใครที่มีพื้นฐานด้านการเป็นผู้ประกอบการบ้าง”

ผลการสำรวจจาก 28 ระบบนิเวศทางธุรกิจพบว่า 82% ของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพมีบุคคลใกล้ชิดที่เป็นผู้ประกอบการอย่างน้อยหนึ่งคน นอกจากนี้ 68% ของระบบนิเวศเหล่านี้รายงานว่าผู้ก่อตั้งมากกว่า 80% มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความสำเร็จของสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในลอสแอนเจลิส ซึ่งพบว่าสัดส่วนผู้ก่อตั้งที่มีสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนที่เป็นผู้ประกอบการสูงที่สุดถึง 92% และในจำนวนนี้ 50% เป็นผู้ประกอบการรุ่นที่สอง (second-generation entrepreneurs)

ผลสำรวจยังพบว่า 60% ของผู้ก่อตั้งในลอสแอนเจลิสมีเพื่อนที่เป็นผู้ประกอบการ และ 53% มีสมาชิกในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจเช่นกัน สำหรับระบบนิเวศอื่นๆ เช่น บอสตัน ลอนดอน และฟีนิกซ์ พบว่ามีความเชื่อมโยงกับครอบครัวสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยผู้ก่อตั้งมากกว่า 60% มีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้ประกอบการ ในทางตรงกันข้าม

ธุรกิจครอบครัวกับการทำสตาร์ทอัพ

แม้ว่าค่าเฉลี่ยของผู้ก่อตั้งที่มีพี่น้องเปิดธุรกิจจะอยู่ที่เพียง 11% แต่ซิดนีย์กลับมีตัวเลขสูงถึง 25% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของความสัมพันธ์ในครอบครัวและเครือข่ายที่ช่วยสนับสนุนการก่อตั้งธุรกิจในระบบนิเวศต่างๆ ทั่วโลก

แม้ว่าจะไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าการรู้จักผู้ก่อตั้งธุรกิจจะทำให้คนเลือกเส้นทางเดียวกันหรือไม่ แต่การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการรายอื่นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของสตาร์ทอัพ งานวิจัยจาก Startup Genome ระบุว่าสตาร์ทอัพที่มีสายสัมพันธ์ในท้องถิ่น (local connectedness) สูง จะมีรายได้เติบโตเร็วกว่า 2.1 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับสตาร์ทอัพที่ขาดสายสัมพันธ์ในท้องถิ่น ซึ่งระบบนิเวศที่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดมักพัฒนาเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง

โดยความสำเร็จของชุมชนเหล่านี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของความสัมพันธ์ไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณ การอยู่ใกล้ชิดกันทางกายภาพไม่สำคัญเท่ากับการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความไว้วางใจและการแบ่งปันความรู้หรือการช่วยเหลือกันในรูปแบบที่พบได้ในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท

ทั้งนี้กิจกรรมและอีเวนต์ต่างๆอาจช่วยส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์เหล่านี้ได้ แต่พื้นที่ทำงานร่วมกัน (coworking spaces) หรือการพบปะทั่วไป (meetups) ไม่ได้ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโดยอัตโนมัติ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นจึงต้องอาศัยทั้งเวลาและความตั้งใจในการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมโยงผู้คนในชุมชนเดียวกันอย่างแท้จริง

ดังนั้นหากท่านไม่ได้มีสมาชิกในครอบครัวที่เคยก่อตั้งธุรกิจมาก่อน หรือแม้จะไม่ชอบการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่การเข้าร่วมกิจกรรมบางอย่างและใช้เวลาในการสร้างมิตรภาพที่แท้จริงกับผู้ประกอบการเพียงหนึ่งหรือสองคนก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของท่านเติบโตได้อย่างมาก ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพจำนวนมากไม่ได้มีต้นแบบจากครอบครัวเช่นกัน

โดยผลสำรวจพบว่ามีเพียง 38% ของผู้ตอบแบบสำรวจที่ระบุว่าพ่อแม่ของตนเคยเริ่มต้นธุรกิจมาก่อน ซึ่งหากท่านไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ แทนที่จะรู้สึกเสียโอกาสที่ไม่มีตัวอย่างจากพ่อแม่หรือทักษะด้านธุรกิจที่ถ่ายทอดมา ควรมองหาผู้ก่อตั้งธุรกิจคนอื่นๆในชุมชนและสร้างมิตรภาพที่แท้จริงกับพวกเขา

โดยมิตรภาพที่ดีและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการเหล่านี้ อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยนำพาสตาร์ทอัพของท่านไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะแรงสนับสนุนและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากบุคคลเหล่านี้อาจมีคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเรียนรู้จากครอบครัวหรือระบบการศึกษาเลยทีเดียว

 

ที่มา: BENTREPRENEUR. APRIL 12, 2023. DO ALL STARTUP FOUNDERS COME FROM FAMILIES WITH ENTREPRENEURIAL BACKGROUNDS? Available: https://bentrepreneur.biz/do-all-startup-founders-come-from-families-with-entrepreneurial-backgrounds/