หุ้นไทยยังเสี่ยงเกินไปที่จะเก็บของ

29 เม.ย. 2567 | 04:40 น.

หุ้นไทยยังเสี่ยงเกินไปที่จะเก็บของ คอลัมน์เทคนิคพิชิตหุ้น ศุภพงศ์ เอี่ยมคงเอก

สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นเด้งมานิดหน่อย หลังจากที่มีการลงแรงหลุด low เก่าแถว 1350 เมื่อช่วงหลังสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่านี่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะเพิ่มพอร์ตอยู่ดีต่อให้จะเด้งมาแล้วยังไม่ลงต่อก็ตาม
 
สาเหตุก็เพราะว่าผมมองว่าการหลุด low เก่ามาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ทำให้โอกาสลงไปบริเวณ 1300 นั้นเปิดกว้าง ซึ่งอย่างที่เคยบอกไปว่าบริเวณ 1300 ความหมายคือ 1270-1320 จะเป็นจุดไหนก็ได้ เพราะฉะนั้น ณ จุดที่ SET อยู่ ตอนนี้หาก SET จะลงอีกรอบ หมายความว่าความเสี่ยงอยู่ในระดับ 40 จุดเป็นอย่างต่ำ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าผมยัง ไม่อยากให้เพิ่มพอร์ตแต่ให้ถือ50%ที่มีอยู่แล้ว
 

อย่างไรก็ตามถ้าถามว่ามีโอกาสที่ SET จะไม่ลงอีกแล้วไหม ตอบคือมีแต่น้อยกว่าลงเท่านั้นเอง ซึ่งการที่จะยืนยันว่าจะไม่ลงแล้วต้องผ่านหลายด่านและหลายแนวต้าน ซึ่งต่อให้อาทิตย์ที่กำลังมาถึงนี้ขึ้นต่อก็ยังไม่ได้แปลว่า ยืนยันจบขาลงอยู่ดียกเว้นพุ่งขึ้น 50+ จุดพร้อม volume แสนล้าน เป็นต้น
 
หากดูเชิงปัจจัยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องที่นักลงทุนจับตามากที่สุดมีอยู่ 2 เรื่องหลักๆ
 

1. การประกาศ GDP ไตรมาส 1 ของสหรัฐที่ออกมาแย่กว่าคาดพอสมควร ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าส่งผลให้ Dow Jones NASDAQ ที่ขึ้นมาตลอดเริ่มปรับฐาน สิ่งนี้ต่อให้ระยะสั้นแน่นอนว่าเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด แต่ระยะกลางถึงยาว ผมมองว่าจะเป็นเรื่องดี สาเหตุก็เพราะว่าสิ่งนี้จะทำให้ฐานของตัวเลขนั้นต่ำ และเมื่อตัวเลขไตรมาสต่อๆ ไปออกมาก็จะทำให้ surprise ตลาดได้ง่าย
 
2. เรื่องข่าวสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล จริงๆ เรื่องนี้เป็นข่าวที่นักลงทุนจับตามองมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่จบและก็ยังสร้างความกังวลว่าถ้าสงครามเกิดหนักขึ้นจะส่งผลกระทบต่อโลกโดยเฉพาะราคาน้ำมันยังไงบ้าง เราต้องตั้งก่อนว่าอิหร่านไม่ใช่ผู้ส่งออกน้ำมันหลักของโลก เพราะถ้าดูปริมาณจะอยู่เพียง 3 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยประมาณ ซึ่งเป็นเพียงที่ 3 ของกลุ่ม opec เพราะฉะนั้นถ้าสงครามไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ ก็คงไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าคิดมากกว่า คือบริเวณช่องแคบ ฮอร์มุซ ซึ่งอยู่ข้างใต้อิหร่านและเป็นพื้นที่ทางผ่านในการขนส่งน้ำมันถึง 25% จากทั้งหมด ซึ่งเยอะพอจะส่งผลกระทบรวมถึงความกังวลให้กับนักลงทุนได้
 
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือแม้ระยะยาวมองดีเหมือนเดิมแต่ระยะสั้นยังไม่มีอะไรที่จะกระชากขึ้นได้เท่าไหร่นัก และหากสังเกตดูตั้งแต่ต้นปี ซึมเมื่อไหร่ตลาดมักซึมลงเสียมากกว่า เลยยังไม่ค่อยอยากให้เก็บหุ้น รอดูอีกซักหน่อยก็ไม่เสียหาย เพราะเราก็มีหุ้นอยู่ในพอร์ต 50% อยู่แล้ว ไม่มีทางตกรถ