ระวัง“ไทย”เหมือน หลายประเทศในยุโรป

25 มิ.ย. 2565 | 07:30 น.
2.6 k

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3795 ระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ย.2565 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
    

*** สถานการณ์ราคาน้ำมัน ราคาพลังงาน ที่ขยับแพงขึ้น อันเป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาสินค้า ข้าวของแพงตามไปด้วย ดัน “ค่าครองชีพ” ของประชาชนพุ่งสูงขึ้นแถบจะทั่วโลก ในขณะที่ส่วนใหญ่ “ค่าแรง” ยังคงเดิม ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกหนทุกแห่ง จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะใน “ยุโรป” ยกเหตุผลดังกล่าวออกมาประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลของแต่ละประเทศ หาทางแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของพวกเขา

*** ไปดูที่ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใช้แรงงานประมาณ 70,000 คน ออกมาเดินประท้วงราคาสินค้าในชีวิตประจำวันที่ทะยานสูงขึ้น โดยพวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาทันที ซึ่งการชุมนุมประท้วงมีขึ้นที่สนามบินบรัสเซลส์ และตามเครือข่ายขนส่งทั่วประเทศ ส่งผลให้บริการขนส่งสาธารณะต้องชะงักไป โดยสนามบินบรัสเซลส์ได้ยกเลิกเที่ยวบินขาออกทั้งหมด เนื่องจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็มีบุคลากรบางรายร่วมประท้วงด้วย ขณะที่เที่ยวบินขาเข้าส่วนใหญ่ก็ถูกยกเลิกเช่นกัน …ความเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงครั้งนี้ มีขึ้นหลังอัตราเงินเฟ้อของเบลเยียมพุ่งแตะ 9% ในเดือนมิ.ย. โดยมีสาเหตุหลักจากการที่รัสเซียบุกยูเครน จนกระทบต่อซัพพลายเชน ราคาพลังงาน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 


*** ส่วนที่ ประเทศกรีซ ก็ได้มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเดินขบวนประท้วงจากปัญหาราคาน้ำมันแพง กระทบค่าไฟแพง จนทางกระทรวงพลังงานของกรีซ ต้องประกาศแผนให้เงินอุดหนุนวงเงินรวมประมาณ 150 ล้านยูโร เพื่อช่วยภาคครัวเรือนซื้อตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศใหม่มาใช้แทนของเก่า เพื่อลดค่าไฟเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ประหยัดพลังงานมากกว่ารมต.พลังงานกรีซ แถลงออกอากาศทางโทรทัศน์ว่า ครัวเรือนกรีซจะมีสิทธิซื้อเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น หรือตู้แช่แข็งโดยรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเครื่องละ 30-50% ได้สูงสุด 3 เครื่อง โดยต้องเป็นเครื่องใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น รัฐบาลกรีซคาดว่า แผนการนี้จะช่วยครัวเรือนลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 40% ทั้งยังช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและก๊าซได้ถึงปีละ 40 ล้านยูโรด้วย
 

*** ส่วนที่ ประเทศอังกฤษ  ชาวอังกฤษต้องเผชิญกับภาวะชะงักงันของเครือข่ายเดินรถไฟเป็นวงกว้าง หลังสหภาพแรงงานรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่ง (RMT) ประสบความล้มเหลวใน การเจรจาปรับค่าแรง รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการปรับลดการจ้างงาน โฆษก RMT เปิดเผยว่า การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงแผนการประท้วงหยุดงานของคนงานมากกว่า 50,000 คนนั้นประสบความล้มเหลว โดยผู้ประกอบการเดินรถไฟ และ RMT ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นการระงับการปรับขึ้นค่าแรง และการปรับลดการจ้างงาน นั่นหมายความว่า จะเกิดการผละงานประท้วง (stike) ในวันที่ 21, 23 และ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นไปตามที่ได้มีการวางแผนไว้ ถือเป็นการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด ของอุตสาหกรรมรถไฟอังกฤษในรอบกว่า 30 ปี 


*** ในการประท้วงครั้งนี้สหภาพ RMT ต้องการขอปรับขึ้นค่าจ้าง 7% แต่นายจ้างเสนอปรับขึ้นสูงสุดเพียง 3% ในขณะที่แรงงานต้องเผชิญค่าครองชีพพุ่งสูง โดยอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ที่ 9% และธนาคารกลางคาดว่าจะสูงขึ้นเป็นเกือบ 11% ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ขณะที่รัฐบาลอังกฤษถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจา และโยนให้เป็นเรื่องของสหภาพแรงงานต้องเจรจาโดยตรงกับนายจ้างเอง 
    

*** หันมาดู “เมืองไทย” รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงตระหนักดีว่า ปัญหาราคาน้ำมันแพง ราคาพลังงานแพง ราคาก๊าซหุ้งต้มสูงขึ้น ค่าไฟฟ้า ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ข้าวของ สินค้าต่าง ๆ แพงหูฉี่ ก่อให้เกิดความเดือนร้อนต่อประชาชนไปทุกย่อมหญ้า หากไม่หาหนทางช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ก็อาจจะนำไปสู่การออกมา “ประท้วง” เหมือนๆ กับในหลายประเทศก็ว่าได้ ล่าสุดรัฐบาลจึงได้ออกมาตรการต่าง ๆ ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2565 ด้วยการเห็นชอบ “มาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่” เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.2565 
     

*** สำหรับมาตการลดค่าครองชีพรอบใหม่ ประกอบด้วย 1.ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และให้สิทธิ์ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซ ได้ในราคา 13.62 บาทต่อกิโลกรัมเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ 16 มิ.ย.-15 ก.ย.2565 2.กำหนดกรอบการขายปลีกก๊าซ LPG อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 3.การให้ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาทต่อเดือน 4.การให้ความช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน 


*** 5.ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดอยู่ที่ 1.40 บาทต่อลิตร6.ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันในการขอให้นำส่งกำไรส่วนต่าง ที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน ทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน 7.มาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยว เอกชนนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว อบรม สัมมนา จัดงาน ในเมืองหลักหักภาษีได้ 1.5 เท่า เมืองรองหักภาษีได้ 2 เท่า (ตั้งแต่ 15 ก.ค.-31 ธ.ค.65)  และ 8.ขอความร่วมมือการประหยัดพลังงานทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ และภาคขนส่ง


*** มาตรการต่าง ๆ ที่ “รัฐบาล” ออกมาถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขอให้ดูแลประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ และแก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยเฉพาะปัญหาราคา “สินค้าแพง” ทำอย่างไรจะคุมราคาสินค้าได้ หรือทำให้สินค้าราคาถูกลงโดยกลไกตลาด ที่ไม่ใช่การเอาของมาขายแบบ “แก้ผ้า เอาหน้ารอด” เป็นครั้ง ๆ ไป ...ก็ขอฝากให้รัฐบาลช่วยคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้คงไม่จบลงง่าย ๆ ที่สำคัญไม่อยากเห็นภาพประชาชนทนไม่ไหว ต้องออกมา “ประท้วง” เรียกร้องเพราะทนไม่ไหวกับ“ค่าครองชีพ”ที่สูงขึ้น...


*** ไปปิดท้ายกันที่...ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท และ Krungsri Boarding Card กับแคมเปญ ชวนดูหนังดี หนังดัง จ่ายตังค์ 80 บาท ทุกเรื่อง ทุกรอบ รับสิทธิ์ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ 1 ที่นั่ง ในราคา 80 บาท เมื่อชำระเงินด้วยบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท และ Krungsri Boarding Card ทุกเรื่อง ทุกรอบ ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และในเครือเอส เอฟ ตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค.2565 ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บัตรกรุงศรี เดบิต และ Krungsri Boarding Card เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด