ล้างคนโกงซุกเงิน ล้มบัญชีสีเทา

26 ก.พ. 2565 | 13:37 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.พ. 2565 | 20:41 น.
1.5 k

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา โดย...บากบั่น บุญเลิศ

ฮือฮากันมาก เมื่อ The Guardian สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษได้เปิดเผยข้อมูลเรื่อง How Swiss Banking Secrecy Enabled an Unequal Globle Financail System ซึ่งเป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดบัญชีการเงินของบรรดาผู้ที่ร่ำรวยและเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน จากการค้ายาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชัน ไม่มีที่มาที่ไปของรายได้ในธนาคารเครดิตสวิส: Credit Suisse ธนาคารเอกชนชื่อดังรายใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์


The Guardian และสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีข้อมูลบัญชีลูกค้าชื่อดังทั่วโลกมากกว่า 30,000 บัญชี ที่เปิดบัญชีซุกเงินไว้ในธนาคารเครดิตสวิสรั่วไหลออกมาสู่สาธารณะมูลค่ากว่า 1 แสนล้านฟรังก์สวิส 

คิดเป็นเงินบาทของไทย จะตกประมาณ 3.54 ล้านล้านบาท 


จำนวนเงินก้อนโตที่มากโขดังกล่าว ล้วนถูกเปิดบัญชีซุกซ่อนไว้ในสถาบันการเงินชื่อดังของประเทศสวิตเซอร์แลนด์


ข้อมูลที่ถูกเปิดโปงการเปิดบัญชีเพื่อซุกซ่อนเงินในเครดิตสวิสนั้น พบว่าเป็นของคนเวเนซุเอลา 2,000 บัญชี ของคนในประเทศอียิปต์ 2,000 บัญชี ของคนประเทศยูเครน 1,000 บัญชี และ บัญชีลูกค้าที่เป็นคนไทยอีก 1,000 บัญชี

เจ๋งมั๊ยละครับ คนไทยซุกซ่อนเงินในธนาคารเครดิตสวิสติดอันดับโลก


ประเด็นที่รัฐบาลควรพิจารณาอย่างยิ่งคือในจำนวน 1,000 บัญชี ที่ถูกเปิดโปงออกมานั้นเป็นใครบ้าง เคยสำแดงรายได้หรือเสียภาษีหรือไม่


บุคคลกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงหรือไม่ มีใครแอบเอาเงินไปเปิดบัญชีธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่ เขาเหล่านั้นเคยเสียภาษีหรือสำแดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.หรือไม่


เพราะในหลักการยื่นบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูงต่อ ป.ป.ช.นั้น กำหนดไว้ชัดเจนว่าผู้ยื่นจำเป็นจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด รวมไปถึงบัญชีธนาคารที่อยู่ในต่างประเทศด้วย


กรณีนี้ ป.ป.ช.ควรตั้งทีมเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย เพราะในองค์กรนี้มีหน่วยงานที่ประสานกับหน่วยงานในต่างประเทศอยู่แล้ว มิใช่ตั้งรับ รอแค่มีคนมาร้อง ป.ป.ช.ต้องทำงานเชิงรุก


คณะกรรมการ ป.ป.ช.ควรยกประเด็นเหล่านี้มาพิจารณา พูดคุย หารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการเปิดบัญชีในธนาคารต่างประเทศได้


1 ในร่องรอยที่เห็นว่า ประเทศไทยเป็นฐานของกระบวนการฟอกเงินคือ กรณีของ นายสเตฟาน เซเดอร์โฮล์ม นักเทคนิคคอมพิวเตอร์ชาวสวีเดน อาชญากรซึ่งถูกตรวจสอบพบว่า มีการเปิดบัญชีธนาคารสวิสในประเทศไทย


นายเซเดอร์โฮล์มนั้น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในมะนิลาได้บุกจับเมื่อปี 2552 ฐานสนับสนุนขบวนการสันติภาพของประชาชน ชาวมินดาเนา และเมื่อสืบค้นในร้านก็พบว่ามีผู้หญิงกว่า 17 คน ถูกขังอยู่ในห้อง แต่ละห้องมีกล้องติดตั้งเอาไว้เพื่อให้บริการเซ็กส์โชว์ สำหรับชาวต่างชาติ นายเซเดอร์โฮล์มจึงถูกตัดสินว่ามีความผิด 


แล้ว นายเซเดอร์โฮล์ม มาเกี่ยวพันกับประเทศไทยอย่างไร ตัวแทนของนายเซเดอร์โฮล์ม ชี้แจงว่า นายเซเดอร์โฮล์ม เคยอาศัยอยู่ในประเทศไทย ในปี 2551 ช่วงเวลาที่เปิดบัญชีนี้กับธนาคารเครดิตสวิส   


ผู้เปิดโปงข้อมูลให้หนังสือพิมพ์รายหนึ่งในเยอรมันบอกว่า เขาเชื่อว่ากฎระเบียบเรื่องความลับของธนาคารเครดิตสวิส เป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักศีลธรรม และเป็นการปกปิดเพื่อร่วมกันหลีกเลี่ยงภาษี  


คำถามคือเป็นไปได้อย่างไร ที่ธนาคารชื่อดังก้องโลกที่ประกาศจุดยืนและเจตนารมย์ว่า ธนาคารจะป้องกันและขจัดกลุ่มลูกค้าผู้มีเงิน แต่ไม่มีที่ไป หรือมีที่มาอันน่าสงสัยให้หายไปจากธนาคารเพื่อความโปร่งใส จะเปิดให้กลุ่มบุคคล มาเฟีย อาชญากรรม การค้ายาเสพติด กลุ่มคนที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงิน และพัวพันกับการทุจริตคอร์รัปชัน มาเปิดบัญชีในธนาคาร


นอกจากนี้ หน่วยงานที่กำกับระบบสถาบันการเงินของสวิสเซอร์แลนด์ยังเคยออกข้อกำหนด ขั้นตอนการฏิบัติงานภายในแต่ละธนาคาร ว่า ต้องทำการตรวจสอบบญชีลูกค้าทุกคนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกับกรณีที่ลูกค้าคนนั้นมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย อาทิ การพนัน การค้าอาวุธ อาชญากร การทุจริต ฯลฯ 


1 ในบัญชีรายชื่อผู้ฝากเงินกับธนาคารเครดิตสวิสที่ฮือฮากันมากคือ บัญชีของพระในนครรัฐวาติกัน ที่มีการใช้จ่ายเงินกว่า 350 ล้านปอนด์ หรือราว 15,000 ล้านบาท ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่กรุงลอนดอน แบบไม่โปร่งใส ซึ่งจากการสืบเส้นทางการเงินของผู้บัญชีนี้ ทำให้เกิดการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องหลายคน 1 ในนั้นเป็นพระคาร์ดินัลชื่อดังในนครวาติกัน


นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อลูกค้าที่ถูกเปิดโปงออกมานั้น มีทั้งอาชญากรรมที่เกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์ในฟิลิปปินส์ บัญชีของ นายโรนัลด์ หลี่ ฟุกชิว อดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง ซึ่งรับสินบนเพื่อแลกกับการให้บริษัทหนึ่งได้เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง  สิบปีหลังจากนั้นกลับมีรายงานว่านายหลี่ สามารถเปิดบัญชีที่มีมูลค่ากว่า 1,157 ล้านบาท กับธนาคารเครดิตสวิส  


บัญชีของมหาเศรษฐีชื่อดังที่เป็นผู้สั่งฆ่าแฟนสาวของป๊อปสตาร์ชื่อดังชาวเลบานอน ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจน้ำมันชาวเวเนซูเอลา นักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าผู้ทุจริตในประเทศยูเครน และ อียิปต์ 


ข้อมูลบัญชีลูกค้าแต่ละรายที่ถูกเปิดโปงออกมา ได้บ่งบอกถึงวิธีการที่ลูกค้าผู้ร่ำรวยได้ปกปิดความมั่งคั่งของพวกเขา ทั้งๆ ที่เงินก้อนดังกล่าวมีที่มาอันไม่ถูกกฎหมาย แทบทั้งสิ้น


ธนาคารเครดิตสวิส ได้ชี้แจงว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีกฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับทางธนาคารที่เข้มงวดมากที่สุด ส่งผลทำให้ทางธนาคารไม่อาจจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับลูกค้าคนใดคนหนึ่งของธนาคารได้  


ธนาคารได้ระบุในแถลงการณ์ในประเด็นการเปิดโปงว่า มาจากการเลือกข้อมูลบางส่วน ส่งผลให้เกิดการตีความที่ผิดต่อการทำธุรกิจของธนาคาร


เครดิตสวิสระบุว่า ข้อกล่าวหาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต และบางข้อกล่าวหานั้นย้อนหลังไปถึงช่วงเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวพันกับหลักปฏิบัติของสถาบันทางการเงิน ยังไม่มีการนำมาบังคับใช้เสียด้วยซ้ำไป


การเปิดโปงข้อมูลบัญชีลูกค้ากว่า 30,000 บัญชี ของธนาคารเครดิตสวิสจากทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในกระบวนการตรวจสอบลูกค้าที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงิน การทุจริตของระบบธนาคาร


ถ้าประเทศไทยต้องการขจัดลูกค้า และเงินทุนอันน่าสงสัยออกไปให้หมดจากระบบ ต้องทำการตรวจสอบเรื่องนี้ให้เข้มข้น และหาทางแก้ปัญหาระบบการเงินในปประเทศไทยด้วย


เพราะปัจจุบันกลุ่มอาชญากร บ่อนการพนัน ธุรกิจผิดกฏหมายมีการเปิดบัญชี โอนเงินในธนาคารกันโจ๋งครึ่ม โดยไร้การตรวจสอบ และขาดมาตรฐานในการกำกับดูแลธุรกิจสีเทาในบ้านเมืองเรา