บทบาทของซิการ์ในทางการทูต : ไม่ได้จะสูด_ใช้ถือ

13 พ.ย. 2564 | 13:53 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2564 | 20:56 น.
747

คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

ท่ามกลางกระแสโกรธเกลียดควันบุหรี่ ห้ามสูบหยูกสูบยาตีค่ายาเส้นเปนของชั่วร้าย
 

เกือบสามทศวรรษก่อน นักข่าวดูโอ้เรืองนาม_สุทธิชัย หยุ่น พานำ สุภาพ คลี่ขจาย ไปวัดบ้านไร่ด่านขุนทด กราบสักการะพระภิกษุผู้เนื้อนาบุญ_หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธผู้เจ้าอาวาส ระหว่างรอยต่อสถาปนาเลื่อนพระญาณวิทยาคมเถร วิ. ขึ้นเปนที่พระราชวิทยาคม วิ. สมภารวัดบ้านไร่ กล่าวทักทายสองคู่หู ในมือแห่งร่างสันทัดใต้จีวรคร่ำสีนั้นมีพร้อมซึ่งม้วนกระดาษยาวฟุตหนึ่ง พลันเคาะหัวขวับ_เอ่ยลำนำสำเนียงโคราช ‘ไงไอ้หัวล้าน’

บุรุษหนวดกราบปะ_หลก สัญชาตญาณนักข่าวใจน้อยทำหน้าที่ทันที ได้จังหวะปฏิสันถารพอเหมาะแล้วสวนทันควัน เมื่อไหร่หลวงพ่อจะ ‘เลิกบุหรี่’  พระอริยะบุคคลผู้อย่างน้อยเปนที่สกิทาคามีผล ยิ้มเย็นหัวเราะหึในลำคอกล่าวว่า จะให้เลิกน่ะมันไม่ยากไอ้นายเอ้ย รัฐบาลเลิกโรงงานยาสูบติ
 

คม_บาด!! หงายเงิบ! แต่หัวเราะเกลื่อน คำสนทนาต่อไปมีว่า “มันไม่ดีต่อสุขภาพนะหลวงพ่อ”

ปุถุชน ตีความหมายความตายเปนทุกข์ อริยบุคคล ตีความหมายความตายเปนสุข ไม้บรรทัดคนละอัน!
 

“เอ้อ_กูสูบระลึกความหลังตอนยังเปนเด็กเดินทุ่งเลี้ยงควาย หรอกไอ้นาย”
 

ค่าที่อยากเอาชนะคะคานหรือไม่_ไม่ทราบได้ “จะเปนตัวอย่างแก่เยาวชนน่ะครับ” หลังประโยคเสียดๆดังกล่าว หลวงพ่อกล่าวสัจจะวาจาสรุปได้ความว่า บุหรี่เส้นยา_เขาสูบเอื่อยลอยลมกันวันอารมณ์ดี ไม่ใช่ว่าโช้กกันปี้ดๆ คราวเครียดจัดประสาทแตก
 

ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ 40 หลวงพ่อผู้เนื้อนาบุญป่วยเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ศิษยานุศิษย์หอบร่างสังขารแบบบางมาถึง รพ.รามาธิบดี กรุงเทพพระมหานคร แพทย์ถามเรื่องสูบบุหรี่ค่าที่เปนตัวก่อโรค พระเดชพระคุณรับว่าจะเลิก แล้วอรรถาธิบาย ‘คนมันอยากให้กูสูบ จุดจ่อปากกูก็มีมวนต่อมวน_มันจะเอาก้นยาไปเปนที่รฤก_กูก็ตอบสนองมัน’ ผู้มีหัวใจโพธิสัตว์โปรดหมู่ประชากร มละโอฆกันดารฯ ทำหน้าที่อย่างนี้ ท่ามกลางสัตว์เวไนย รุมล้อม_รุมทึ้ง!
 

ฉับพลันนั้น ศาสตราจารย์ประกิต วาทีสาธกกิจ ได้จังหวะกราบอาราธนา พระเดชพระคุณเปนพรีเซนเตอร์ เลิกบุหรี่!
 

คราวโจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีจีนผู้เรืองนาม เข้าประชุมสหประชาติกับอเมริกาทุนนิยมไม้เบื่อไม้เมา ท่ามกลางความขัดแย้ง สองค่ายคอมมิวนิสต์ อเมริกาไม่อาจจะญาติดีกับจีนได้
 

โจว เปนผู้ดี เปนผู้ดีอย่างที่คณะผู้แทนไทยคราวเยือนแดนคอมมิวนิสต์ครั้งแรก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ปราโมช, พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ, อานันท์ ปันยารชุน, และเตช บุนนาค(ต่อมาได้เปนนายก อีก 2 คนในยอดนี้) ยอมรับว่าเห็นท่านโจวแล้วนึกถึงขุนนางจีนสมัยเก่า งามงดทั้งจรรยาวาจา และมารยาท
 

จอห์น ฟอสเตอร์ ดัลเลส รมต. ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแบบว่าตั้งชื่อตำแหน่งอย่างจะครองโลกว่า secretary of the state ป่วยด้วยเหตุมะเร็งต้องผ่าตัด
 

สั่งมร.สมิธ มือรองให้เปนหัวคณะคณะผู้แทนรัฐบาลในการเจรจา ณ สหประชาชาติ เจนีวา แล้วตัวเองก็บินปลิวกลับบ้านไปหาหมอ สั่งไว้ในวันที่ยังไม่มีกล้องวงจรปิดว่า “ห้ามจับมือ shake hand กับฝ่ายจีนเปนอันขาด’’ ผู้ดีโจวเอินไหลในฐานลำดับศักดิ์เสมอกัน พบเจอ มร.สมิธ  
 

ขณะพักการประชุม สูบบุหรี่ดื่มกาแฟ (ดื่มได้หมด กาแฟ ชาแม้แต่สุราในบาร์ UN) ก้าวเข้าหาพร้อมกิริยายื่นมือผึ่งผายจะให้ฝ่ายตรงข้ามสัมผัสตามจริยาทักทายตะวันตก ทันใดนั้น มร.สมิธผู้แทนอเมริกา ที่มือขวาถือซิการ์อยู่หมุนตัวขวับไวมือซ้ายรีบคว้าถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ ถือ ไม่มีโอกาสสัมผัสมือคอมมิวนิสต์_ตามนโยบายไม่อับอายฝ่ายจีนว่าหยาบไร้มารยาทก็มีสองมือ_และของเต็มมือทั้งสองมือ!
 

บุรุษทั้งสองเริ่มสนทนากันจนนำไปสู่สันติภาพเปนรูปธรรมเมื่อนิกสันออกเดินทางเยือนจีนและถอยกำลังเรือออกจากคาบสมุทรค้าขายกันได้มาจนทุกวันนี้


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,731 วันที่ 14 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564